นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด (“บริษัทฯ”) ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์ และอินดัสเทรียล (“กองทรัสต์”) มีความมุ่งมั่นตลอดมาที่จะประกอบธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งรวมถึงการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของของข้อมูล ซึ่งบริษัทฯ ต้องการที่จะควบคุมให้มีการดำเนินการอย่างโปร่งใสในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) จัดทำขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านว่า บริษัทฯ จะดำเนินการอย่างเหมาะสม และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด และเทียบเท่ามาตรฐานสากล
ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนการใช้สิทธิและวิธีการใช้สิทธิของท่านเพิ่มเติมได้ที่ หนังสือแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้ที่ หนังสือแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (สำหรับผู้จองซื้อและผู้ถือหน่วยทรัสต์)
อนึ่ง นโยบายฉบับนี้ใช้กับกรณีที่ บริษัทฯ อยู่ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลเท่านั้น ในกรณีที่ บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกิจกรรมใด ในฐานะของผู้ประมวลผลข้อมูลให้กับองค์กรภาครัฐหรือภาคเอกชนอื่น ซึ่งเป็นผู้ควบคุมข้อมูลในกิจกรรมนั้น ๆ ขอให้ท่านตรวจสอบรายละเอียดการประมวลผลได้จากนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหนังสือแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กรภาครัฐหรือภาคเอกชนดังกล่าวโดยตรง
1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมจาก
- ข้อมูลที่ท่าน ให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่าน ให้ไว้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกองทรัสต์ เช่น ทรัสตี ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
- ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (TSD) ซึ่งเป็นนายทะเบียนของกองทรัสต์
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากบริษัทในกลุ่มในเครือของบริษัทฯ
- ข้อมูลที่บริษัทฯ ได้รับจากหน่วยงานหรือองค์กรที่ท่าน (ในฐานะกรรมการหรือผู้แทน) ทำงานด้วย
- สื่อสังคมออนไลน์ และ/หรือ สื่อประชาสัมพันธ์อื่น ๆ ที่ท่านเลือกใช้เพื่อติดต่อกับบริษัทฯ
- แหล่งข้อมูลสาธารณะอื่นที่เชื่อถือได้
2. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ จัดเก็บ
บริษัทฯ อาจจัดเก็บข้อมูลที่มีความหลากหลาย โดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งข้อมูลที่จัดเก็บ รวมถึง
- ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ เช่น ชื่อ-นามสกุล คำนำหน้าชื่อ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ อาชีพ เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวผู้เสียภาษี หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ ที่อยู่ที่ติดต่อได้ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง รูปถ่าย เสียง ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
- ข้อมูลลักษณะเฉพาะส่วนบุคคล เช่น อายุ เพศ
- ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในกองทรัสต์ เช่น ข้อมูลการจองซื้อหน่วยทรัสต์ เลขทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ประเภทและจำนวนของหน่วยทรัสต์ที่ถือ บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ตัวแทนหรือนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เลือกใช้ และข้อมูลเลขทะเบียนใบทรัสต์
- ข้อมูลทางการเงิน เช่น บัญชีธนาคาร ข้อมูลการทำธุรกรรม ข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่าย วิธีการชำระเงิน และรายละเอียดการชำระเงินอื่น ๆ
- ข้อมูลประวัติการใช้งาน เช่น ข้อมูลที่เก็บอัตโนมัติผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งรวมถึง พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลบันทึก (log) ของท่าน ความสนใจของท่าน ข้อมูลอุปกรณ์และที่อยู่ไอพีที่ท่านใช้ในการเข้าถึงบริการ ข้อมูลการตั้งค่า การปรับแต่งเว็บไซต์ วันที่ หรือ ตำแหน่งที่อยู่ของท่าน
- ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้บริษัทฯ เมื่อท่านทำการติดต่อกับบริษัทฯ เช่น ความสนใจและรูปแบบของการลงทุน การโต้ตอบกับบริษัทฯ ผ่านทาง Call Center สื่อสังคมออนไลน์ และช่องทางการสนทนาอื่น ๆ ข้อมูลการลงทุน ข้อมูลสถานที่ทำงาน ข้อมูลวิธีการส่งเอกสาร
3. ระยะเวลาในการจัดเก็บ
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลาตราบเท่าที่วัตถุประสงค์ของการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ยังคงมีอยู่ หลังจากนั้น บริษัทฯ จะลบ และทำลายข้อมูลดังกล่าว เว้นแต่กรณีจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของบริษัทฯ โดยปกติในกรณีทั่วไป ระยะเวลาการเก็บข้อมูลสูงสุดจะเท่ากับ 10 (สิบ) ปี เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดให้เก็บรักษาข้อมูลไว้เป็นระยะเวลานานกว่าที่กำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้น หรือเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของบริษัทฯ
เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามที่ระบุข้างต้น บริษัทฯ จะทำตามขั้นตอนการลบและทำลายข้อมูลดังกล่าวเพื่อดูแลให้มีการนำข้อมูลของท่านทั้งหมดออกจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทฯ อย่างปลอดภัยหรือเก็บรักษาไว้ในรูปแบบที่ทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้เท่านั้น
4. วัตถุประสงค์ของการใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อ (1) ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาในฐานะคู่สัญญา (2) ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือ (3) ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยบริษัทฯ จะใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ตามขอบเขตดังกล่าว รวมถึงกรณีดังต่อไปนี้
4.1 วัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการกองทรัสต์
- เพื่อดำเนินการตามคำร้องขอจองซื้อหน่วยทรัสต์ของท่าน
- เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ และการควบคุมภายในเกี่ยวกับกองทรัสต์ ซึ่งรวมถึง การจัดทำและเก็บรวบรวมบันทึก ทะเบียน ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหน่วยทรัสต์ และเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้กับนายทะเบียนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- เพื่อเข้าทำสัญญาที่บริษัทฯ ได้ทำในนามกองทรัสต์ กับบริษัทหรือบุคคลต่าง ๆ
- เพื่อการจัดการประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์
- เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับการดำเนินการทวงถามให้ชำระหนี้
- เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับข้อร้องเรียนและจัดทำสรุปรายงานข้อร้องเรียน
- เพื่อรายงานเหตุการณ์ที่มี หรืออาจมีนัยสำคัญต่อทรัพย์สินของกองทรัสต์ หรือต่อกองทรัสต์
- เพื่อรายงานสถานะและผลความคืบหน้าของการจัดการข้อพิพาททางกฎหมาย และรายงานสรุปผลการจัดการข้อพิพาท
- เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาจากเว็บไซต์ของบริษัทฯ จะถูกนำเสนอต่อท่าน และแสดงผลบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของท่านอย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อการบริหารจัดการข้อมูลของผู้ถือหน่วยทรัสต์ ผู้สนใจลงทุน นักวิเคราะห์ ซึ่งรวมถึงการติดต่อสื่อสาร ผ่านช่องทางต่าง ๆ หรือเพื่อการแสดงความเห็น การซักถาม การโต้ตอบ และการแจ้งสิทธิประโยชน์โดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางการตลาด
- เพื่อการจัดกิจกรรม เข้าร่วมกิจกรรม การอบรม หรือสัมนาที่บริษัทฯ จัดขึ้น
4.2 วัตถุประสงค์อื่น ๆ
- เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาของบริษัทฯ หรือกองทรัสต์ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยตรงหรือโดยอ้อม
- เพื่อการประกอบธุรกิจที่บริษัทฯ มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยคำนึงถึง สิทธิขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูล
- เพื่อสนับสนุนความมั่นคงและความปลอดภัยของบริษัทฯ
- เพื่อประเมินและจัดการตามคำร้องต่าง ๆ จากท่าน
- เพื่อป้องกันและตรวจสอบการปลอมแปลง
- เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบต่าง ๆ การวิเคราะห์และจัดทำเอกสารตามคำร้องขอของหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ
- เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
5. ผู้ที่ได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากบริษัทฯ
บริษัทฯ จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยไม่มีฐานการประมวลผลข้อมูลโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ในกรณีที่ บริษัทฯ จำเป็นต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก บริษัทฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่า บุคคลภายนอกจะดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ให้เกิดการสูญหาย การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้ การดัดแปลง หรือการเปิดเผยและการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง โดยบริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้
- ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (TSD)
- ทรัสตี ตัวแทน ผู้แทน ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทฯ เป็นคู่สัญญาเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการกองทรัสต์
- ผู้ให้บริการภายนอก หรือบริษัทในกลุ่มในเครือที่ให้บริการแก่บริษัทฯ เช่น ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการคลาวด์
- หน่วยงานภาครัฐ และ หน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ และที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ ของบริษัทฯ
- บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นใด ที่เกี่ยวข้องกับ การปรับปรุงโครงสร้างบริษัทฯ การควบรวม การขาย หรือการเข้าซื้อบริษัทฯ หรือบริษัทในกลุ่มในเครือเพื่อการปรับโครงสร้างองค์กรที่เกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นในอนาคต
- ผู้ควบคุมข้อมูลอื่นที่ท่านประสงค์ให้ส่งหรือโอนข้อมูลไปให้
6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อผู้รับข้อมูลในต่างประเทศ
บริษัทฯ จะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อผู้รับข้อมูลในต่างประเทศ เฉพาะกรณีที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้ทำได้เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การโอนข้อมูลระหว่างประเทศ โดยเข้าทำข้อสัญญามาตรฐานหรือใช้กลไกอื่นที่พึงมีตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ และบริษัทฯ อาจอาศัยสัญญาการส่งหรือโอนข้อมูลที่มีข้อกำหนดให้ผู้รับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลตกลงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะบังคับตามสิทธิของตนกับผู้รับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่มีการฝ่าฝืนสัญญาการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล หรือกลไกอื่นที่ได้รับการอนุมัติ เพื่อการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
7. มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
บริษัทฯ ได้ใช้บริการจากบริษัทในกลุ่มในเครือซึ่งจัดให้มีนโยบายความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับระบบมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศ ISO 27001 โดยเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานขั้นสูงทั้งในด้านเทคโนโลยี และกระบวนการ เพื่อป้องกันการเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจ หรือโดยมิชอบ ตลอดจนการโจรกรรมข้อมูล โดยบริษัทฯ ได้ลงทุน ทุ่มเทเวลา และบุคลากรเป็นจำนวนมาก เพื่อให้มั่นใจว่า จะมีการรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูง ข้อมูลของท่านจะปลอดภัย ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ ได้รับการปกป้องด้วยมาตรการต่าง ๆ นอกจากนี้ นโยบายความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทในกลุ่มในเครือที่นำมาใช้กับบริษัทฯ รวมถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางกายภาพและสิ่งแวดล้อม การควบคุมการเข้า-ออก หน่วยปฏิบัติการ การควบคุมการเข้าถึงระบบสาระสนเทศ การสำรองข้อมูลที่สำคัญ การรักษาความลับ และความปลอดภัยของข้อมูล ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทในกลุ่มในเครือของบริษัทฯ ที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเป็นระยะเพื่อความเหมาะสม ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
บริษัทฯ จะทำลายหรือไม่ระบุชื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทันทีที่มีเหตุผลอันเชื่อได้ว่าวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยวิธีการที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ถึงแม้บริษัทฯ จะทุ่มเท และใช้ความพยายามในการดูแลข้อมูลให้มีความปลอดภัย ด้วยการใช้เครื่องมือทางเทคนิคร่วมกับการบริหารจัดการโดยบุคคล เพื่อควบคุมและรักษาความปลอดภัยข้อมูล มิให้มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่เป็นความลับของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่อาจไม่สามารถป้องกันความผิดพลาดได้ทุกประการ เช่น การปกป้องข้อมูลของท่านจากการถูกจู่โจมโดยไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือถูกเข้าถึงโดยบุคคลที่ไม่มีอำนาจได้ ท่านจึงควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ติดตั้งซอฟต์แวร์ประเภท Personal Firewall เพื่อป้องกันคอมพิวเตอร์จากการจู่โจม หรือโจรกรรมข้อมูล ควรตรวจสอบสถานะทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ เช่น ยอดเงินคงเหลือ วันที่ทำรายการ รวมถึง เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล สถานะทางการเงิน ไว้เป็นความลับ เป็นต้น
8. สิทธิของเจ้าของข้อมูล
ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลมีสิทธิดังต่อไปนี้ โดยการใช้สิทธิดังกล่าว ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และอาจมีการปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ใด ๆ ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
- สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
- สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการระงับใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการคัดค้านการเก็บ การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการขอถ่ายโอนข้อมูล
- สิทธิในการถอนความยินยอม
นอกจากนี้ ท่านมีสิทธิเรียกร้องในกรณีที่ บริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานกำกับดูแลได้ ซึ่งรวมถึงคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยติดต่อผ่านสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ในกรณีที่ท่านเคยให้ความยินยอมใด ๆ ไว้แก่บริษัทฯ (ที่ไม่ใช่ความยินยอมตามที่กฎหมายอื่นกำหนด) ท่านสามารถเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวเมื่อใดก็ได้ แต่อาจกระทบต่อการให้บริการบางประการ ซึ่งบริษัทฯ จะได้แจ้งให้ท่านทราบในเวลาที่ท่านขอถอนความยินยอม
ทั้งนี้ ในการดำเนินการตามสิทธิของท่านในข้อนี้ บริษัทฯ จะสามารถพิจารณาดำเนินการให้ท่านได้เฉพาะกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ประมวลผลในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่านั้น สำหรับการใช้สิทธิของท่านในข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกิจกรรมใดในฐานะของผู้ประมวลผลข้อมูลของผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น บริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งผู้ควบคุมข้อมูลรายดังกล่าว เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามสิทธิของท่านในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป
9. การติดต่อ
ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะ หรือความกังวลเกี่ยวกับหลักการนี้ หรือท่านมีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ ตามช่องทางดังต่อไปนี้
ส่งถึง: ฝ่ายกำกับตรวจสอบและบริหารจัดการความเสี่ยง
บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด
ที่อยู่: เลขที่ 345 อาคาร 345 สุรวงศ์ ชั้น 5 ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. 10500
อีเมล: compliancerm@prospectrm.com
เบอร์ติดต่อ: 02-697-3793
หมายเหตุ:
- โปรดระบุรายละเอียดการติดต่อของท่าน เมื่อมีการร้องเรียนหรือขอใช้สิทธิเรียกร้อง เพื่อให้บริษัทฯ สามารถติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด
- บริษัทฯ ไม่คิดค่าธรรมเนียมในการติดต่อเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่อาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการตามคำขอภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งนอกเหนือไปจากคำขอเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
10. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย
หากบริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญเกี่ยวกับแนวปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะปรับปรุงและแก้ไขนโยบายฉบับนี้ และแสดงบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงวิธีการที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ จัดการ เปิดเผย และคุ้มครองข้อมูล
วันที่มีผลใช้บังคับของนโยบาย ฉบับนี้ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565